SEO
0
mins

SEO คืออะไร? สำคัญกับการทำธุรกิจมากแค่ไหน

SEO คืออะไร? สำคัญกับการทำธุรกิจมากแค่ไหน
Supanus Poolthaveetham
Managing Director
SEO คืออะไร? สำคัญกับการทำธุรกิจมากแค่ไหน

Search Engine Optimization หรือ SEO คือ กระบวนการที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดบนหน้าแรกของโปรแกรมการค้นหา (Search Engine) เช่น Google, Yahoo หรือ Bing โดยไม่ต้องพึ่งการทำโฆษณาใด ๆ เพียงออกแบบและจัดทำเว็บไซต์ให้รองรับการทำ SEO และทำให้เว็บไซต์เต็มไปด้วยคำค้นหาที่ถูกต้อง (Keywords) โดยคำค้นหาเหล่านี้จะเกิดจากการทำ research ว่าคำใดเหมาะกับธุรกิจ และมีคนค้นหาบน Search Engine ในจำนวนที่มากพอหรือไม่ จากนั้นก็สามารถเข้าสู่กระบวนการทำ  SEO ได้ทันที

การทำ SEO มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร

ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะนักธุรกิจหน้าเก่า หรือหน้าใหม่ หากเริ่มคิดจะทำเว็บไซต์สักเว็บเพื่อใช้ในการขายสินค้าและบริการ หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่อยู่ในการสร้างเว็บไซต์คงหนีไม่พ้นการทำเว็บไซต์ที่รองรับการทำ  SEO เพื่อที่จะช่วยให้ผู้คนเข้ามาชมเว็บไซต์กันเยอะ ๆ ได้ลูกค้าตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพราะเกิดจากการทำ Keyword Research ที่ตรงใจลูกคา จนสามารถเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อทุกธุรกิจ นั่นก็คือ ‘ยอดขาย’ ที่สำคัญการทำ SEO นี้ใช้งบน้อย และวัดผลได้อย่างชัดเจนอีกด้วยครับ

อย่างไรก็ตาม การเลือก SEO มาเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ของแบรนด์คุณ คุณจำเป็นจะต้องใช้เวลามากพอสมควรจึงจะทำให้เว็บไซต์ของคุณไต่จากหน้าท้าย ๆ มาสู่หน้าแรก ๆ ได้ SEO จึงเหมาะกับการทำการตลาดที่หวังผลลัพธ์ในระยะยาวมากกว่าการทำเพื่อแคมเปญใดแคมเปญหนึ่ง 

การทำงานของ SEO เป็นอย่างไร

ก่อนอื่น เรามารู้จักกับคำศัพท์หลัก ๆ ที่พบเจอได้บ่อยในการทำ SEO กันก่อนนะครับ

SERP (Search Engine Result Page) คือ หน้าที่แสดงผลลัพธ์การค้นหาของ keywords ต่าง ๆ 

Keywords คือ คำค้นหาที่กลุ่มเป้าหมายใช้ในการค้นหาสิ่งที่ต้องการ โดยควรจะเลือก Keyword ที่มี Search Volume (จำนวนการค้นหา) เยอะ ๆ โดยจะนำ Keyword เหล่านี้มาตกแต่งใน SEO ต่อไป

URL (Uniform Resource Locator) คือ ที่อยู่ของเว็บไซต์ หรือหน้าของเนื้อหาต่าง ๆ บนเว็บไซต์

Slug คือ ชื่อของบทความที่จะอยู่ท้าย URL แนะนำให้ทำเป็นภาษาอังกฤษ หรือตัวเลข เพราะหากทำเป็นภาษาไทย เวลานำลิงก์ไปแชร์มันจะกลายเป็นตัวเลขและตัวอักษรที่ยาวมากเสียจนคุณรู้สึกแย่ที่ทำเป็นภาษาไทยได้เลยล่ะครับ 

Title Tag คือ ชื่อของเว็บไซต์หรือบทความที่คุณใช้การทำ SEO โดยจะต้องมี Keyword อยู่ในนั้น และจะต้องไม่ยาวมากจนเกินไป

Meta Description คือ เนื้อหาสั้น ๆ ที่จะอธิบายว่าเว็บไซต์หน้านี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร

On Page SEO คือ การตกแต่งและปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อรองรับการทำ SEO ให้ติดอันดับแรก ๆ บน SERP เช่น เนื้อหา ภาพ วิดีโอ 

Off Page SEO คือ การสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดหน้าแรกบน SERP มากขึ้นโดยการทำให้ลิงก์เว็บไซต์ของคุณไปปรากฎอยู่ในเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน สามารถเรียกว่าการทำ Backlink ได้เช่นกัน

Algorithm คือ ระบบการทำงานที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า SEO ที่คุณทำจะได้ติดอันดับบน SERP หรือไม่ โดย Algorithm จะมีการอัปเดตเรื่อย ๆ SEO ของเว็บไซต์เองก็จำเป็นต้องอัปเดตตามเช่นกัน  

หลังจากรู้คำศัพท์หลัก ๆ ในการทำ SEO แล้ว เรามาเข้าสู่เนื้อหาของการทำ SEO กันได้เลยครับ

  1. จัดทำเว็บไซต์ที่รองรับการทำ SEO ตามที่ Google กำหนดไว้ (โดย Google จะใช้ Algorithm ตัดสินเองครับ) เช่น เค้าโครงและดีไซน์ของเว็บไซต์ สำคัญตั้งแต่ไซส์ตัวอักษรไปจนถึงสีที่ใช้ ผู้ใช้สามารถโหลดเข้าเว็บไซต์ได้เร็วพอที่เขาจะไม่ยอมแพ้เสียก่อนหรือไม่ พูดง่าย ๆ คือคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลักนั่นเองครับ
  1. จัดทำเนื้อหาเว็บไซต์ โดยเนื้อหาในเว็บไซต์จะต้องกระจายไปด้วย Keyword ในจำนวนที่พอดี และมี Search Volume ที่เยอะมากพอ โดย Keyword อาจจะอยู่ในพาร์ทของบทความที่ถูกเขียนขึ้นในเว็บไซต์ ในส่วนนี้นี่แหละครับคือการทำ ‘On Page SEO ’

ยกตัวอย่างเช่น คุณขายสเปรย์ปรับอากาศ โดยมี Keyword คือ ‘ห้องมีกลิ่นอับ’ คุณก็สามารถเขียนบทความ SEO ขายสเปรย์ปรับอากาศ โดยใช้ Keyword ดังกล่าวในการอธิบายว่าสินค้าของคุณจะแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างไร โดยระหว่างนั้นให้ใส่ลิงก์หน้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์เราที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword ต่าง ๆ ลงไปในบทความด้วย

  1. ตกแต่งบทความนั้นด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ Google กำหนดมา ได้แก่ การใส่ Title Tag, Slug, Meta Description ฯลฯ
  1. ทำ Off Page SEO โดยการนำลิงก์ของบทความที่คุณทำ ไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่น ขั้นตอนนี้จะเป็นการบอกให้ Algorithm ของ Google รับรู้ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์เราได้รับการยอมรับจากเว็บไซต์นั่นเองครับ

เครื่องมือที่จะช่วยให้ SEO ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

ในปัจจุบัน มีเครื่องมือมากมายที่คอยช่วยเช็คว่า SEO ของคุณมีประสิทธิภาพมากพอจะหรือยัง แถมเครื่องมือเหล่านี้ยังถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย หากใครไม่ได้ใช้เรียกว่าเสียเปรียบสุด ๆ เลยครับ 

Google Keyword Planner 

เครื่องมือที่ใช้ในการค้นหา Keyword ที่มีคุณภาพสำหรับการทำโฆษณาบน Google แต่ก็สามารถใช้ในการทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณได้เช่นกัน สามารถทำได้ตั้งแต่ค้นหา Keyword ไปจนถึงแสดงผลสถิติของ Keyword อย่างละเอียด โดย Google Keyword Planner ให้บริการโดย Google ซึ่งเรื่องความแม่นยำก็คงไม่ต้องพูดถึง Google ทำ Google ใช้ เชื่อถือได้ 100% ครับ

Uber Suggest

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการค้นหา Keyword สำหรับการทำ SEO เช่นกัน โดย สามารถแสดงผล Search Volume ของ Keyword, วิเคราะห์จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ ลักษณะการทำงานจะคล้ายคลึงกับ Google Keyword Planner ดังนั้นจึงจะแนะนำให้ใชเควบคู่กันไปครับ

Yoast SEO

เครื่องมือตรวจสอบประสิทธิภาพ SEO ซึ่งเป็นปลั๊กอินใช้งานได้ฟรีบน Wordpress การทำงานของ Yoast SEO คือเมื่อคุณเขียนบทความของคุณเสร็จแล้วเตรียมที่จะอัปโหลดลงเว็บไซต์ Yoas SEO จะทำการตรวจสอบว่ามีส่วนไหนที่ใช้ได้ (จะขึ้นเป็นไฟสีเขียว) และส่วนไหนที่ขาดไป (จะขึ้นเป็นไฟสีแดง) แล้วคุณควรเพิ่มเติมบ้าง โดยจะลิสต์ให้อย่างละเอียด หน้าที่ของคุณคือแก้ตามที่โปรแกรมแนะนำจนกว่าไฟจะเขียวให้มากที่สุด เพราะยิ่งไฟเขียวมากเท่าไหร่ แสดงว่าบทความ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น

หากธุรกิจของมีคุณมีหน้าเว็บไซต์ที่สวย นำสมัย ติดอันดับเว็บไซต์ที่สวยที่สุดในวงการธุรกิจของคุณ มันจะไปมีประโยชน์อะไรหากไม่มีลูกค้าจริง ๆ เข้ามาเยี่ยมชม ใช้งาน และตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าและบริการของคุณ ดังนั้น การทำ SEO จะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะหลังจากคุณได้ทำ SEO ที่มีคุณภาพในระยะเวลาที่เหมาะสม จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ของการค้นหาใน Search Engine นั่นหมายถึงผลลัพธ์ทางธุรกิจในระยะยาวได้เลย เพราะจากนี้ไป ไม่ว่าลูกค้าจะเสิร์ชชื่อแบรนด์ หรือชื่อสินค้าของคุณหรือไม่ แต่ถ้าหากเขาเสิร์ชด้วยคำค้นหาที่คุณใช้ในการทำ SEO (ซึ่งแน่นอนว่าเราจะเลือกคำที่ ‘ใช่’ ที่สุดในการค้นหา) เขาเจอก็เว็บไซต์คุณอยู่บนหน้าแรกของการค้นหา และเลือกคลิกเว็บไซต์ของคุณก่อน เพราะ 70-80% ของคนที่เสิร์ชจะเลือกคลิกเว็บไซต์ที่ติดอันดับหน้าแรกมากกว่าเว็บไซต์ที่เป็นโฆษณาเสียอีก (อ้างอิง : https://inter-growth.co/seo-stats/)

เรื่องผลลัพธ์ต่อจากนี้ก็คงไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะครับ

บริการด้าน SEO ของ Criclabs 

ประกอบด้วย

  1. Technical Audit : ผู้ตรวจสอบการทำงานทางเทคนิค
  2. Audit Implementation : การจัดเครื่องมือให้ผู้ตรวจสอบ
  3. Keyword Research & Content Strategy : ค้นหา Keyword และวางแผนกลยุทธ์การทำเนื้อหา
  4. On-Page Optimisation : เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน On-Page
  5. SEO Content Writing : เขียนเนื้อหาสำหรับการทำงาน SEO
  6. Link Building (Off-Page) : เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ด้วยการทำ Link Building (Off-Page)

ผลงานของ Criclabs ในด้าน UX/UI Design

Galderma กัลเดอร์มานำเสนอแบรนด์ชั้นนำมากมายทั้งผลิตภัณฑ์ยาความงามและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายด้านการดูแลสุขภาพผิวในสามธุรกิจหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยา(Prescription) ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม (Aesthetics)และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพผิว (Consumer solutions)

300% Increase in organic traffic within 5 months
+3 Featured Snippets Won from strategic SEO articles published 

A-Decor One Stop Service ผู้เชี่ยวชาญด้านกระเบื้อง นำเข้าและจัดจำหน่ายกระเบื้องทุกรูปแบบ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ ทั้งด้านราคา คุณภาพ และรูปแบบหลากหลายให้เลือก พร้อมบริการที่ตอบโจทย์สำหรับโปรเจ็คและดีไซน์ของคุณ

542% Increase in organic traffic within 4 months
+10 Keywords Ranking on the top 5 position in Google