View

สร้างเว็บขายของอย่างไร ให้เป็นเว็บไซต์ที่ดี และมีคุณภาพ

by
Phuwit Limviphuwat

ในปัจจุบัน การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์เป็นสิ่งที่ทำให้หลากหลายธุรกิจประสบความสำเร็จกันมากขึ้น และเป็นช่องทางการขายที่สะดวกกว่าการมีหน้าร้าน แต่การจะทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะการจะขายของออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จจะต้องอาศัยเครื่องมือหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการสร้างเว็บขายของออนไลน์

แต่การสร้างเว็บขายของก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายที่จะทำให้ผู้คนรู้จักเว็บไซต์ของเราถ้าจะทำให้ผู้คนรู้จักเว็บไซต์ของเรา จำเป็นต้องหาวิธีต่าง ๆ ที่จะทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก และติดอันดับหน้าแรกบน Google ให้ได้จึงจะถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง

ทำไมคนนิยมสร้างเว็บไซต์ขายของ?

การสร้างเว็บไซต์ขายของนั้นส่งผลดีให้กับธุรกิจมากมาย จึงทำให้หลาย ๆ ธุรกิจเลือกที่จะสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา โดยจะส่งผลดีให้ธุรกิจดังนี้

1. การมีเว็บไซต์เปรียบเสมือนการสร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่สนใจ เว็บไซต์ออนไลน์คล้ายกับโบรชัวร์ในรูปแบบออนไลน์ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา และในเมื่อธุรกิจของเรามีโบรชัวร์ออนไลน์แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำโบรชัวร์ออกมา ถือว่าเป็นการลดต้นทุนให้กับธุรกิจได้ดี

2. แน่นอนว่าในโลกออนไลน์มีผู้คนอยู่มากมาย และเกือบแทบจะทุกคนก็ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ทุกวัน เพราะอย่างนั้น การที่นำธุรกิจเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ธุรกิจมีโอกาสเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น

3. การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองสามารถช่วยให้เราสร้างฐานข้อมูลของลูกค้าได้ เช่น ฐานข้อมูลของผู้ที่เคยซื้อ หรือจะเป็นฐานข้อมูลของคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ ซึ่งฐานข้อมูลเหล่านี้เราสามารถนำไปต่อยอดทำการตลาดได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การซื้อโฆษณากับ Facebook หรือการซื้อโฆษณากับ Google 

4. การขายของออนไลน์บน Platform อื่น ๆ อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับทางเจ้าของแพลตฟอร์มนั้น ๆ ทำให้นอกจากต้นทุนการผลิตสินค้าที่ต้องใช้จ่ายแล้ว ยังจะมีต้นทุนการขายสินค้าเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย 

แต่ถ้าเราสร้างเว็บขายของเป็นของตัวเอง จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นลงได้ ถึงแม้ว่าการทำเว็บไซต์จะมีรายละเอียดที่ค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากเกินไปที่จะทำ เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยี และเครื่องมือมากมายที่จะช่วยให้การทำเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

ข้อดีของการสร้างเว็บขายของ

เพราะการสร้างเว็บขายของมีข้อดีกับธุรกิจมากมาย ทำให้หลายคนจึงเลือกที่จะสร้างเว็บขึ้นมา ซึ่งการทำเว็บไซต์ขายของมีข้อดีดังนี้

1. สร้างได้ทันที ไม่ต้องมีร้านค้า

เพราะว่าการสร้างเว็บขายของสามารถที่จะทำได้ทันที ไม่ต้องมีการไปดูทำเล หรือต้องเสียเวลาสำรวจหาที่ตั้งร้านค้า สิ่งที่ต้องทำเพียงแค่สร้างเว็บไซต์ขึ้นมา ใส่ข้อมูล รายละเอียด และใส่รูปภาพลงไป หลังจากนั้นก็เริ่มทำการยิงโฆษณา และลูกค้าก็จะเริ่มเข้ามาเอง

2. ประหยัดค่าใช้จ่าย

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า การสร้างเว็บขายของไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านค้า ไม่ต้องไปหาทำเล ในบางบางทำเลอาจจะมีผู้คนผ่านไปมามากมายก็จริง แต่ก็ต้องแลกกับค่าเช่าที่สูง ดังนั้นการทำเว็บไซต์จะช่วยให้ประหยัดต้นทุนในส่วนนี้ไป นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ยังมีผู้คนมากมายอีกด้วยเช่นกัน จึงทำให้มีโอกาสที่คนจะเห็นเว็บไซต์ของเราไม่แพ้กัน

3. ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปิด ปิดร้านค้า

ในเมื่อธุรกิจของเราไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องการเปิด ปิดร้านค้า ไม่จำเป็นที่จะต้องมีคนมานั่งเฝ้าตลอดเวลา เมื่อมีลูกค้าเข้ามาสั่งสินค้า เราก็จะได้รับการแจ้งเตือนจากระบบในทันที และยังสามารถทำการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับได้พูดคุยกับลูกค้าอยู่ตลอดด้วย

4. เพิ่มโอกาสในการขายให้กับธุรกิจ

  เพราะในโลกออนไลน์มีทั้งสื่อโซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ ที่เราจะสามารถเปิดร้านได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในโลกออนไลน์นี้จะทำให้ธุรกิจของเราสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น นี่จึงเป็นโอกาสในการแนะนำสินค้า หรือธุรกิจให้ออกสู่ตลาดมากขึ้น

5. นำระบบข้อมูลเว็บไซต์มาวางแผน และวิเคราะห์การตลาดได้

เว็บไซต์มีข้อมูลที่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ และข้อมูลนั้นก็เป็นข้อมูลที่แม่นยำ นอกจากนี้ยังสามาถตรวจสอบสถิติการเข้าชม ระยะเวลาในการเข้าชม การเลือกซื้อสินค้า และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในด้านต่าง ๆ เช่น นำมาวางแผนการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จได้

6. มีความปลอดภัย ข้อมูลไม่หาย

การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ก็เปรียบเสมือนว่าเรามีบ้านเป็นของตัวเอง ในทางกลับกัน ถ้าเราใช้ Platform อื่น ๆ ในการขายของ และในวันหนึ่งเกิดระบบล่มขึ้นมา อาจจะมีปัญหาตามมาได้ แต่ถ้าเรามีเว็บไซต์ของตัวเอง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะข้อมูลสินค้ามีอยู่ในเว็บไซต์ พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา และเรายังสามารถจัดวางได้ตามต้องการ

7. ภาพลักษณ์ของบริษัท 

การทำเว็บไซต์จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจเราได้ ยิ่งเรามีเว็บไซต์ที่ดูดี ดูสวยงาม ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเป็นเว็บที่ทันสมัย ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

เว็บไซต์ขายของที่ดีควรคำนึงถึงอะไรบ้าง?

การสร้างเว็บขายของนั้นเป็นเรื่องที่ดีกับการทำธุรกิจ เพราะจะเป็นตัวสร้างความน่าเชื่อถือ แต่การที่จะเป็นเว็บไซต์ขายของที่ดีควรจะมีคุณสมบัติดังนี้

1. เป็นเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานได้ทุกอุปกรณ์  ทั้งการแสดงผลผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแทบเล็ตก็ตาม ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงหน้าเว็บไซต์ หรือสั่งซื้อสินค้าผ่านหน้าเว็บเราได้ง่ายขึ้น

2. หน้าเว็บไซต์ต้องดูเป็นระเบียบ เรียบร้อย รวมไปถึงสีที่ใช้ควรจะสื่อถึงธุรกิจนั้น ๆ ได้ และข้อมูลในเว็บไซต์ไม่ควรแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้ดูเกะกะได้

3. ข้อมูล และรายละอียดต่าง ๆ ของสินค้า จะต้องมีความชัดเจน ครบถ้วน เพื่อให้ลูกค้าสามารถอ่านรายละเอียดได้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

4. ต้องมีช่องทางการติดต่อ สื่อสารที่สะดวก และหลากหลาย เพื่อในบางครั้งลูกค้าต้องการที่จะสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า การมีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

5. มีช่องทางการชำระเงินที่สะดวก และหลากหลายเช่นกัน เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า เพราะความสะดวกของลูกค้ามีไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้ด้วย

การทำให้เว็บไซต์ขายสินค้ามีคุณภาพด้วย SEO

สมัยนี้หลาย ๆ ธุรกิจได้เริ่มให้ความสำคัญกับการสร้างเว็บไซต์มากขึ้น เหตุผลก็เพราะต้องการสร้างเว็บขายของเพื่อเป็นหน้าร้านออนไลน์ และยังเป็นตัวเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ โดยการสร้างเว็บไซต์จะสามารถช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงธุรกิจของเราได้ง่ายขึ้น และจะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายได้ดีอีกด้วย

แต่การจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จโดยช่องทางการสร้างเว็บไซต์นั้นก็อาจจะไม่ได้ง่ายเสมอไป เพราะถ้าเว็บไซต์นั้นจะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ ซึ่งการที่จะทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพนั้นมีหลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการทำ SEO เพราะการทำ SEO เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เพื่อให้ Google เห็นเว็บไซต์ของเรามีความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ โดยเมื่อค้นหา Keyword ที่เราได้กำหนดไว้ เว็บไซต์จะแสดงข้อมูลขึ้นเป็นลำดับต้น ๆ โดยปัจจัยที่จะทำให้ SEO มีคุณภาพ มีดังนี้

1. สร้างเนื้อหาโดย Keyword

การจะทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ สิ่งแรก ๆ ที่ควรจะคำนึงถึงนั่นก็คือ การเลือกใช้ Keyword ให้ตรงกับการค้นหาของลูกค้า โดย Keyword ควรมีแทรกอยู่ทุกส่วนในบทความ ทั้ง Title , ย่อหน้าแรกของบทความ หรือจะเป็นในส่วนเนื้อหา ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่า เป็นการบอก Google ว่า บทความของเรามีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้น ๆ

2. อัปเดตเนื้อหาในบทความเป็นประจำ

ยิ่งเว็บไซต์ไหนที่มีการอัปเดตเนื้อหาภายในบทความอย่างสม่ำเสมอ เว็บไซต์นั้นยิ่งมีโอกาสทำอันดับได้ดีกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีการอัปเดตใด ๆ เลย เหตุผลก็เพราะว่า Google นั้นให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสดใหม่ เพื่อที่จะได้นำเสนอหน้าเว็บไซต์ที่ดีให้กับผู้ที่ค้นหา แต่เนื้อหาที่อัปเดตก็ควรจะเกี่ยวข้องกับ Keyword ด้วยเช่นกัน

3. เพิ่ม Page Speed

Page Speed เป็นความเร็วในการมองเห็นเนื้อหาของเว็บไซต์ นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อค่า User Signal เพราะถ้าหากปล่อยให้ผู้บริโภครอนานกว่าจะเห็นเนื้อหา นั่นจะทำให้มีโอกาสสูงที่เขาจะออกจากเว็บไซต์ทันที เพราะอย่างนั้น การทำเว็บไซต์ให้โหลดรวดเร็วขึ้นเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน

4. ตั้งชื่อให้กับทุกรูปภาพ

สิ่งสำคัญรองลงมาจากการตั้ง Keyword นั่นก็คือ การตั้งชื่อรูปภาพ เพราะว่า Google ยังไม่สามารถทำความเข้าใจความหมายของรูปภาพนั้น ๆ ได้โดยตรง จึงต้องมีการตั้งชื่อให้กับรูปภาพประกอบแต่ละรูป เพื่อเป็นคำขยายของภาพ และนำไปเป็นส่วนหนึ่งของ Keyword ในการค้นหาของผู้บริโภค

5. เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น

การเชื่อม Keyword ในแต่ละบทความนั้นเป็นการอ้างอิงให้เกิดความน่าเชื่อถือสำหรับเว็บไซต์ของเรา นอกจากนี้ยังทำให้ Search Engine รู้ได้ด้วยว่า เว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ ได้ง่ายขึ้น และยิ่งบทความนั้นอ้างอิงจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ และน่าเชื่อถือ ก็ยิ่งจะทำให้ Google มองเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บที่มีคุณภาพด้วย

6. โปรแกรมช่วยทำ SEO

แน่นอนว่าการจะทำ SEO ในบทความนั้น ๆ จะต้องมี Keyword ของแต่ละบทความ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า Keyword อะไรที่ผู้คนนิยมค้นหามาก น้อยขนาดไหน นั่นจึงจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือที่เอาไว้ค้นหา Keyword นั้นว่ามียอดค้นหามากขนาดไหน เช่น Ubersuggest , Google Keyword Planner เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออื่น ๆ อีกที่จะช่วยให้การทำ SEO เป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น

แนะนำเครื่องมือช่วยในการสร้างเว็บขายของ

การสร้างเว็บขายของในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากเท่าเมื่อก่อน เพราะว่ามีเครื่องมือมากมายที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวก และย่นระยะเวลาให้กับเรา โดยมีเครื่องมือต่าง ๆ ดังนี้

1. Wix

เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย มีเครื่องมือมากมายที่เหมาะกับการสร้างเว็บไซต์ให้สวยงาม Wix มีเทมเพลตมากมายที่ออกแบบขึ้นมาให้เหมาะกับทุกธุรกิจ โดยเครื่องมือนี้มีข้อดีคือ

- นำเสนอเครื่องมือแก้ไข และอินเทอร์เฟซการสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย

- เป็นเครื่องมือที่ราคาไม่สูง คุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย

- สามารถช่วยออกแบบไซต์ได้ ภายในแค่ไม่กี่นาที

2. Squarespace

เป็นเครื่องมือที่มีอินเทอร์เฟซใช้งานง่าย มีเทมเพลตเว็บไซต์สำเร็จรูปที่สวยงามให้ได้เลือกใช้มากมาย สามารถสร้างอะไรก็ได้ที่ต้องการโดยที่ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด ข้อดีของ Squarespace คือ

- ผสานรวม Zapier ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเว็บแอปพลิเคชันได้หลายรายการ รวมไปถึง Google Apps Xero และ Mailchimp ด้วย

- มีแอปช่วยสร้างโลโก้ โดยสามารถสร้างโลโก้ให้ดูเป็นมืออาชีพได้

- มีเทมเพลตที่น่าสนใจให้เลือกมากมาย และยังเป็นเทมเพลตที่ไม่มีค่าใช้จ่าย

3. Web.com

เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย สามารถออกแบบเว็บไซต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องรู้วิธีการเขียนโค้ด และยังมีคุณสมบัติอื่นที่เพิ่มมาให้อีก เช่น ความสามารถในการเพิ่มวิดีโอ แบบฟอร์มการติดต่อ แถบเลื่อนคำรับรอง เป็นต้น Web.com มีข้อดีดังนี้

- มีเครื่องมือ SEO ที่ช่วยปรับปรุงการมองเห็นของเครื่องมือค้นหา

- มี Marketing Bundle รวมอยู่ในแผนธุรกิจ เพื่อที่จะช่วยโปรโมตธุรกิจของเรา

- มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน

4. Shopify

เป็นเครื่องมือที่มีคุณสมบัติมากมาย และมีความยืดหยุ่นเหมาะกับหลากหลายธุรกิจ Shopify มีเทมเพลตมาให้เลือกจำนวนมาก สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับแบรนด์ของเราได้ มีข้อดีคือ

- สามารถใช้ช่องทางการขายได้หลากหลายช่องทาง ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย

- ขายได้ทั้งผลิตภัณฑ์ที่สามารถจับต้องได้ และผลิตภัณฑ์ดิจิทัลโดยไม่มีการจำกัดจำนวนผลิตภัณฑ์

- ไม่ต้องกังวลเรื่องการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์ และความปลอดภัย

5. Weebly

เป็นเครื่องมือที่มีการใช้งานง่าย แต่ในเรื่องของฟังก์ชั่นการทำงานนั้นอาจมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่เป็นเครื่องมือที่ทำงานเสร็จได้รวดเร็ว 

- การส่งออกเว็บไซต์ทั้งหมดไปยังแพลตฟอร์มการสร้างเว็บอื่น สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

- มีเทมเพลตที่สวยงาม และดูมืออาชีพให้ได้เลือกใช้หลากหลาย

6. WordPress

เป็นเครื่องมือที่มีระบบจัดการเนื้อหาที่ใช้งานง่าย เป็นสากล สามารถเพิ่มอัปเดตเนื้อหาได้ตลอดทุกที่ ทุกเวลา และยังมีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้มากมายอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือที่ Google ให้ความสำคัญมากที่สุดอีกด้วย ข้อดีคือ

- สำหรับใครที่เบื่อง่าย WordPress มีธีมให้ได้เลือกเปลี่ยนมากมาย ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบฟรี และเสียค่าใช้จ่าย

- การอัปโหลดเนื้อหานั้นถือเป็นเรื่องที่ง่าย และรวมไปถึงการจัดการเนื้อหาด้วย

- WordPress มีชุมชนที่ใช้งานอยู่มากมาย หากต้องการความช่วยเหลือ ถือเป็นเรื่องที่มีความสะดวกมาก

7. Webflow

เป็นเครื่องมือที่สามารถปรับแต่งเทมเพลตได้อย่างอิสระ มีเทมเพลตให้เรื่องมากมาย และยังมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายอีกด้วย ข้อดีก็คือ

- เว็บไซต์ที่สร้างจาก Webflow สามารถส่งออกไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้

- สามารถรวมเว็บไซต์เข้ากับโซลูชันหลากหลายภาษาได้

- Webflow Editor สามารถอำนวยความสะดวกในการแก้ไขเนื้อหาบนหน้าได้ง่ายดาย

ขั้นตอนการสร้างเว็บขายของออนไลน์ พร้อมวิธีการแต่ละขั้นอย่างละเอียด

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า โปรแกรมที่ใช้สำหรับการสร้างเว็บขายของออนไลน์นั้นมีหลากหลายโปรแกรมให้ได้เลือกใช้ โดยในส่วนนี้จะขอยกตัวอย่างขั้นตอนการสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ด้วยการใช้ WordPress ซึ่งมีขั้นตอน และสิ่งที่ควรรู้ดังนี้

1. เครื่องมือสำหรับสร้างเว็บไซต์

WordPress ยังมีเครื่องมืออีก 3 ตัว ที่เข้ามาทำงานร่วมกัน หรือเรียกว่า Plugin โดยมีเครื่องมือดังนี้

- Woocommerce  เป็นปลั๊กอินที่จะช่วยให้ WordPress เป็นเว็บไซต์สำหรับร้านค้าออนไลน์เต็มรูปแบบ

- Theme เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับออกแบบ และจัดวาง Layout ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์สวยงามมากขึ้น

- Plugin เป็นเครื่องมือที่เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานเว็บ WordPress ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2. วิธีจด Domain

เนื่องจาก IP Address นั้นจดจำได้ยาก ดังนั้นการตั้งชื่อเว็บไซต์ หรือ Domain ขึ้นมา จะทำให้ง่ายต่อการจดจำ โดยมีหลักการตั้งชื่ดังนี้

- ควรตั้งชื่อให้สั้น กระชับ ง่ายต่อการจำ และควรเป็นภาษาอังกฤษ

- ควรตั้งชื่อให้สื่อถึงธุรกิจที่กำลังทำ

- ไม่ควรมีเครื่องหมายขีด

- เลือกใช้นามสกุล .com เพราะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย

3. วิธีการเลือก Hosting

เป็นพื้นที่เก็บรูป ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้เว็บไซต์นั้นออนไลน์อยู่บนอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา โดยมีหลักการเลือก Hosting ดังนี้

- ระบบจัดการหลังบ้านโฮสนั้นควรจะเป็นระบบ DirectAdmin

- ในระบบ Direct Admin ควรจะมี Auto Installer ช่วยติดตั้ง WordPress ด้วย

- ส่วนของเวอร์ชั่น PHP web server นั้น ควรจะใช้เวอร์ชั่น PHP 7.2

- แพคเกจของโฮสไม่ควรจำกัดโดเมน และซับโดเมน

4. การตั้งค่า Nameserver

ในทุก Hosting จะมีเลขที่อยากให้โดเมนที่จดไว้ขึ้นมาแสดงที่ Host ไหน โดยจะต้องตั้งค่า Nameserver ก่อน ซึ่งมีวิธีตั้งค่าดังนี้

- เข้าระบบหลังบ้านของ Hostatom และเลือกที่เมนู “บริการของฉัน” ให้ดูตรงที่เป็นสีเขียว จากนั้นคลิกที่ สินค้า/บริการที่ใช้งานอยู่

- เมื่อคลิกเข้ามาแล้วจะเห็นชื่อของ Nameserver ของ Host ที่ใช้งานอยู่ ให้ทำการ copy ชื่อ Nameserver เก็บไว้ก่อน เพื่อจะเอาไปใส่ที่โดเมน

- เปิดใช้งาน Let’s Encrypt เพื่อทำเว็บให้เป็น HTTPS 

- กลับไปที่หน้า Home ของ DirectAdmin จากนั้นเลือกเมนู Advanced Features และคลิกที่ SSL Certificates

- เลือกเมนู Use the server’s shared signed certificate และเลือก Free & automatic certificate from Let’s Encrypt เพื่อทำการระบุข้อมูส่วนตัว

- เลือก ใช้ Nameserver ที่กำหนดเอง และเอาชื่อ Nameserver ของ Host ที่ตั้งไว้วางลงไป คลิกเปลี่ยน Nameserver ให้เรียบร้อย

5. วิธีติดตั้ง Hosting บน WordPress

ขั้นตอนการติดตั้ง WordPress บน Hosting มีขั้นตอนดังนี้

- เริ่มจากเข้าระบบหลังบ้านของ Host และเลือกเมนู “บริการของฉัน” จากนั้นเข้าสู่ Direct Admin

- ที่หน้า Home จะมีตัวช่วยการติดตั้ง CMS ต่าง ๆ ให้คลิกไปที่สัญลักษณ์ WordPress และทำการคลิกที่ Install Now เพื่อเริ่มเข้าสู่หน้า ติดตั้ง WordPress

- ใส่ข้อมูลเริ่มต้นในการติดตั้ง WordPress บนโดเมนที่ต้องการ หลังจากนั้นคลิก Install

6. ดูแลเว็บไซต์ให้ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา

เมื่อสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาได้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรจะทำด้วยเช่นกันคือการดูแลเว็บไซต์ ซึ่งมีวิธีดังนี้

- อย่าตั้ง Username และ Password ที่ง่ายจนเกินไป

- ติดตั้งปลั๊กอินรักษาความปลอดภัยที่จำเป็น เช่น Wordfence, Google reCAPTCHA เป็นต้น

- ควรอัพเดท WordPress , Theme , Plugin อย่างสม่ำเสมอ และห้ามลืม Backup ข้อมูล

7. วัดผลด้วย Google Analytics

เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เจ้าของเว็บสามารถเก็บข้อมูลผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ เพื่อทำการนำข้อมูลไปทำการวิเคราะห์ และนำไปปรับปรุงในส่วนต่าง ๆ หรือจะเป็นการทำการตลาด หาสิ่งที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์จะสนใจ ทั้งสินค้า บริการต่าง ๆ

สนใจปรึกษาการสร้าง Web และ Mobile Application รวมถึงบริการอื่นๆ ของ Criclabs ต้องทำอย่างไร?

Criclabs เป็นบริษัทรับพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ธุรกิจ ที่มีบริการให้คุณได้เลือกสรรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริการออกแบบและปรับแต่งเว็บไซต์เต็มรูปแบบ บริการวางแผนกลยุทธ์ด้านดิจิทัล และอีกหลากหลายบริการ หากคุณมีความสนใจเราสามารถมอบคำแนะนำ แนวทาง เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณอย่างแน่นอนครับ

Share
Subscribe to our newsletter

Receive  updates on new posts

Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.